เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ รถ SUV ที่ถือว่าเป็น เจนฯที่ 3 แล้ว สำหรับรถรุ่นที่ชื่อว่า Captiva แต่ความเป็นสปอร์ตของรุ่นนี้ ถือว่าผสมผสานทุกการใช้ชีวิตอย่างลงตัวด้วยยนตรกรรมแนวคิด 3s นั่น คือ Style , Space และ Smart Technology ซึ่งมีให้เลือก 3 เวอร์ คือ LS , LT และPremier
รุ่นที่นำมาแจกแจงกันใน ออโต้สวัสดี แน่นอนว่าต้องเอารุ่น TOP มา เพราะว่าจะได้บรรยายกันครบๆ และเวลาทดสอบจะได้ไม่ต้องติไปก่อนว่า ทำไมถึงไม่มีไอ้นั่น ไอ้นี่ เอาเป็นว่าถ้าตัว TOP ไม่มี ก็แสดงว่ารุ่นรองลงมา ไม่มีแน่นอน แล้วจะตัดสินใจเลือก หรือไม่ซื้อเลย ก็จะว่ากันต่อได้เลย
เจ้าตัว TOP ของ CAPTIVA มีดีไซน์ภายนอกใหม่ เรียกว่าจำหน้าตารุ่นก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย แต่ที่ชอบ คือ ไฟ เดย์ไทม์ ขนาดเล็กเรียวด้านบน ส่วนไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ดีไซน์ใหม่ พร้อม LED Daytime running light (DRL) พร้อมไฟเลี้ยวในชุดโคมเดียวกัน เพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ อันนี้จะอยู่ด้านล่าง และถัดลงมาล่างสุดก็จะเป็นสปอร์ตไลท์ กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ทันสมัย ระบายความร้อนได้ดี พร้อมตราสัญลักษณ์เชฟโรเลต
ว่าไปแล้ว เสาอากาศครีบฉลามช่วยในการรับสัญญาณดีขึ้น และไม่เกะกะเหมือนเมื่อก่อน แถมเวลาล้างรถก็ไม่ต้องกลัวเสียหาย สปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรคหลังที่ 3 แบบ LED
ตัว TOP มีหลังคาพาโนรามิก (Panoramic Sunroof) กว้างขวางถึง 0.82 ตร.ม. มาพร้อมระบบเปิดปิดอัตโนมัติ One-touch ซึ่งซันรูฟที่กว้างเกือบเมตรนี้ สร้างความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
กันชนหน้าหลังพร้อมแผงกันกระแทกรอบคัน แถมยังมีเซ็นเซอร์ และกล้องขนาดเล็กรอบคัน ช่วยให้การแสดงผลบนหน้าจอ คอนโซลกลาง เป็นภาพ 360 องศา เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
กระจกมองข้างปรับระดับไฟฟ้าพร้อมสัญญาณไฟเลี้ยวแบบ LED และกระจกมองข้างนี้พับเก็บระบบไฟฟ้า รวมไปถึงกระจกหน้าต่างไฟฟ้า และเซนทรัลล๊อกด้วย
ว่าไปแล้ว ยังมีจอแสดงผลคอนโซลกลางแบบระบบสัมผัสขนาด 10.4 นิ้ว ใหญ่กว้าง ดูง่าย ชัดเจน กับระบบเสียงแบบพรีเมียมพร้อมลำโพง 6 ตัว
แมกลายธรรมดา แต่ไม่ขี้เหร่ อันนี้แล้วแต่คนชอบ เพราะเป็นล้อขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต แบบทูโทนและยางขนาด 215/60 R17 นิ้ว สำหรับรุ่น Premier หรือตัว TOP นี้เท่านั้น
สีภายนอก มีให้เลือกถึง 5 สี สีเงิน ออโรร่า ซิลเวอร์, สีเงิน แดซลิ่ง ซิลเวอร์, สีดำ สตาร์รี่ แบล็ก, สีขาว แคนดี้ ไวท์ และสีแดง คาร์เนเลียน เรด
ทีนี้ มาถึงอุปกรณ์ตกแต่งภายใน พวงมาลัยหุ้มหนัง และที่พวงมาลัย สามารถควบคุม ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise Control ได้ เรียกว่าสั่งการทำงานได้จากสวิตช์บนพวงมาลัยเลยทีเดียว หรือจะเป็นการควบคุมความบันเทิง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันนี้ ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับวางสายโทรศัพท์อีกด้วย
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ Push start หน้าจอคอนโซลสีแบบดิจิตอล TFT ขนาด 7 นิ้ว ออกแบบให้มองเห็นง่ายและอ่านข้อมูลได้อย่างชัดเจน แม้มีแดดส่องเข้ามาในห้องโดยสาร ส่วนกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน จากไฟรถยนต์คันหลัง และยังมีระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แถมยังมีช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนที่ 2 และระบบปรับอากาศแยกส่วนสำหรับผู้โดยสารตอนที่ 3 เย็นทั่วถึงทั้งห้องโดยสารอย่างแน่นอน
การออกแบบและจัดวางห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพราะเบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้าแบบ 6 ทิศทาง สะดวกสบายยิ่งขึ้น และรองรับผู้โดยสารสูงสุดถึง 7 ที่นั่ง พื้นที่นั่งแถวที่ 2 เพิ่มพื้นที่ช่วงขาให้กว้างขึ้นและพื้นที่นั่งแถวที่ 3 พัฒนาให้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้อย่างอเนกประสงค์ สามารถพับเบาะได้เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุก ที่สำคัญวัสดุหุ้มเบาะนั่งด้วยหนังสังเคราะห์สีชาโคลให้ความรู้สึกหรูหรา เอาใจสาวกนักดื่มเพราะมีที่วางแก้วน้ำ และช่องเก็บของทุกแถว
ด้านสมรรถนะ ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เบนซิน ผ่านมาตรฐานมลพิษไอเสียยูโร 4 ความจุกระบอกสูบ 1,451 ซีซี ให้พละกำลัง 143 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 2,400 รอบต่อนาที พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ DVVT และเทอร์โบชาร์จเจอร์ กับเกียร์อัตโนมัติ แปรผันแบบต่อเนื่อง CVT พร้อม Shifting Control 8 สปีด
มีพวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยระบบไฟฟ้า กับระบบ ESC หรือ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ส่วนระบบเบรกมี ABS ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก และ EBD หรือพร้อมระบบกระจายแรงเบรก ในส่วนอื่นเรื่องความปลอดภัย ก็จะมี ระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบช่วยการออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน HSA ระบบป้องกันการลื่นไถลและล้อหมุนฟรี TCS และ ระบบไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกระทันหัน ESS กับเบรกมือไฟฟ้า EPB
เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ จัดให้รุ่น LS เป็นตัวเริ่มต้น ราคา 999,000 บาท กับรุ่นกลาง LT ราคา 1,099,000 บาท และตัว TOP นามว่า Premier ราคา 1,199,000 บาท
สรุปการ TEST DRIVE คือ ความน่าสนใจ ที่เป็นรถ SUV นั่งสบาย เหมาะกับผู้ใหญ่ แต่ความเร็วอยู่ช่วง 100-140 กม./ชม. กำลังดี รถจะเงียบนิ่งมากกว่าการเพิ่มความเร็วมากกว่านี้ เรื่องความปลอดภัยแล้วคุ้มค่า แค่ตินิดหน่อย คือ ไม่มี Paddle Shift ตัวปรับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ท่อไอเสียฝั่งเดียว ไม่ใช่ท่อคู่ และถึงแม้จะเป็นตัว TOP ไฟหน้าก็ยังไม่มี MODE ไฟหน้า AUTO แต่นอกนั้น ภายใน ภายนอก สมรรถนะ และการเซฟตี้ คุ้มค่า ไม่น้อยหน้าเทคโนโลยีของใครเลย
